วิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา
ถ่านไฟเก่า
My music
วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554
หญิงตั้งครรภ์กับการขาดไอโอดีน
เตือนภัย หญิงตั้งครรภ์ ขาดไอโอดีน ลูกเสี่ยง ไอคิวต่ำ
เมื่อ ไม่นานมานี้มีผลการวิจัยของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุ เด็กไทยมีปัญหาไอคิวต่ำและพัฒนาการล่าช้า โดยค่าเฉลี่ยในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา เด็กไทยมีระดับไอคิว ลดลงจาก 91 จุดเหลือ 88 จุด ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 90 - 110 และยังต่ำกว่าระดับ 104 ซึ่งเป็นระดับเชาว์ปัญญาของเด็กๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว
จากการรวบรวม ข้อมูลทางการแพทย์ ของ พญ.อรพร ดำรงวงศ์ศิริ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล ในฐานะคณะทำงานพัฒนาการวิชาการ เพื่อสนับสนุนคณะกรรมการประสานนโยบายการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย เรื่อง ไอโอดีนกับเด็กปฐมวัย สนับสนุนโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ (มสส.) ชี้ว่า
“ ไอโอดีน มีส่วนสำคัญที่ทำให้สมองของเด็กเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ เฉลียวฉลาด มีข้อมูลระบุชัดว่า เด็กที่ขาดไอโอดีนมีระดับไอคิวต่ำกว่าเด็กที่ได้รับไอโอดีนอย่างเพียงพอ ถึง 13.5 จุด เด็กควรได้รับไอโอดีนอย่างเพียงพอตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา หากมีการขาดไอโอดีนในช่วงเวลานี้ อาจทำให้ทารกเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แท้ง พิการแต่กำเนิด หรือเด็กเกิดมาจะปัญญาอ่อน เป็นโรคเอ๋อ”
ทั้ง นี้ไอโอดีน มีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้าง ไทรอยด์ฮอร์โมน (Thyroid hormone) ที่มีความจำเป็นต่อการสร้างเซลล์ของ ร่างกาย และสมอง ให้มีการเจริญเติบโตอย่างปกติ โดยเฉพาะทารกที่อยู่ในครรภ์มารดาไปจนถึงอายุ 2 ขวบ หากขาดไอโอดีนจะทำให้สมองเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ลดความเฉลียวฉลาด (ไอคิว) หรือระดับสติปัญญาของเด็กได้ถึง 10- 15 จุด ทำให้เด็กมีปัญหาในการเรียน เกิดความผิดปกติ มีอาการคอพอก เป็นโรคเอ๋อ และมีพัฒนาการทางร่างกายต่ำกว่าเกณฑ์
ตัวอย่าง ของเด็กในประเทศจีน จากการเก็บรวมรวมข้อมูลหญิงตั้งครรภ์ ที่มาฝากครรภ์ในมณฑลหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเขตที่มีภาวะขาดไอโอดีน พบว่า ในกลุ่มตัวอย่างเด็กที่เกิดจากมารดาที่ได้รับไอโอดีนเสริมตั้งแต่ในช่วงตั้ง ครรภ์ จะทำข้อทดสอบได้คะแนนสูงกว่า เด็กที่เกิดจากมารดาที่ไม่ได้รับไอโอดีนเสริมในช่วงตั้งครรภ์ แม้ว่าจะได้รับในช่วงหลังคลอดก็ตาม สะท้อนว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ขาดไอโอดีน จะส่งผลให้ทารกขาดไอโอดีนไปด้วย
หญิง ตั้งครรภ์มีความต้องการไอโอดีนมากกว่าหญิงทั่วไปและมีโอกาสขาดไอโอดีนได้ มากกว่า ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์ สามารถป้องกันภาวะขาดไอโอดีนได้ ด้วยการกินอาหารทะเล หรือใช้เกลือเสริมไอโอดีนปรุงอาหารเป็นประจำ รวมทั้งการได้รับไอโอดีนเสริมในระหว่างการตั้งครรภ์
นอก จากนี้ อาหารที่สำคัญของทารกในช่วงวัยแรกเกิดถึง 6 เดือน คือ นมแม่ ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ นมแม่จะเป็นแหล่งอาหารของไอโอดีนที่สำคัญ ปัจจัยที่มีผลสำคัญต่อ ระดับไอโอดีนในนมแม่ก็คือ อาหาร ถ้าแม่ได้รับไอโอดีนจากอาหารอย่างเพียงพอ ในนมแม่ก็จะมีระดับไอโอดีนเพียงพอด้วย
การ ศึกษาในประเทศไทย พบว่าปริมาณไอโอดีนในนมแม่มีค่าเฉลี่ย 55 ไมโครกรัม/เดซิลิตร ในขณะที่ระดับที่เหมาะสมควรจะมีปริมาณมากกว่า 100 ไมโครกรัม/เดซิลิตร นอกจากนั้น จากการสำรวจภาวะไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ในประเทศไทย โดยใช้วิธีการวัดปริมาณไอโอดีนในปัสสาวะ (Urinary Iodine) ยังพบว่า ค่ามัธยฐานของระดับไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ในประเทศไทยยังอยู่ใน ระดับต่ำ
นั่นย่อมแสดงว่ายังมี ผู้หญิงไทยจำนวนมากประสบปัญหาขาดไอโอดีน และส่งผลทำให้ทารกที่เกิดม มีภาวะขาดไอโอดีนตามไปด้วย
ใน อดีต โรคขาดสารไอโอดีนในประเทศไทย จะพบมากในแถบจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ในพื้นที่ที่อยู่ในชนบทห่างไกล ซึ่งจะเห็นภาพของผู้ป่วยโรคขาดสารไอโอดีนที่รุนแรง มีคอหอยพอก แต่ปัจจุบัน การขาดสารไอโอดีนที่รุนแรงแบบในอดีตนั้นลดลงไปมาก แต่การขาดสารไอโอดีนที่ไม่รุนแรงนี้ ดูเหมือนจะเป็นปัญหาเงียบที่ซ่อนอยู่ในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด แม้แต่กรุงเทพฯ ก็สามารถพบการขาดสารไอโอดีนได้เช่นกัน หากร่างกายได้รับไอโอดีนไม่เพียงพอ
ด้วย เหตุนี้จึงมีการพยายามส่งเสริมให้มีการเติมไอโอดีนลงในเกลือบริโภค แต่พบว่ายังไม่ประสบผลสำเร็จนัก โดยจากผลการสำรวจ ในประเทศไทยระหว่างปี 2006 พบว่าจากเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะให้มีการบริโภคเกลือเสริมไอโอดีนร้อยละ 90 ของพื้นที่ แต่ทำได้จริงเพียงแค่ร้อยละ 46.2 เท่านั้น และสำรวจอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ.2552 ทำได้เพียงร้อยละ 47.2
การใช้ เกลือเสริมไอโอดีน เป็นวิธีการช่วยขจัดปัญหาการเป็นโรคขาดสารไอโอดีน และแก้ไขปัญหาได้ระดับหนึ่ง แต่เกลือเสริมไอโอดีนส่วนหนึ่งก็มีปัญหาคุณภาพการผลิตต่ำกว่ามาตรฐาน ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปีพ.ศ.2537 กำหนดให้เกลือบริโภคต้องมีปริมาณไอโอดีนไม่น้อยกว่า 30 มิลลิกรัม ต่อเกลือบริโภค 1 กิโลกรัม แต่พบว่ามีเกลือบริโภคส่วนหนึ่งที่มีปริมาณไอโอดีนอยู่ที่ประมาณ 10-20 มิลลิกรัมต่อเกลือบริโภค 1 กิโลกรัม บ่งชี้ให้เห็นว่าการควบคุมคุณภาพการผลิตยังไม่สามารถครอบคลุมได้ทุกพื้นที่ จึงควรมีการรณรงค์เรื่องนี้อย่างจริงจังต่อไป
สำหรับ วิธีการกินเกลือหรือน้ำปลา ให้ได้ไอโอดีนนั้น พญ.แสงโสม สีนะวัฒน์ สำนักที่ปรึกษา กรมอนามัย แนะนำว่า ไม่ได้เป็นการให้กินเกลือเพิ่ม ให้กินเท่าที่เคยกิน แต่เปลี่ยนเป็นเกลือหรือน้ำปลาที่มีไอโอดีน ซึ่งในน้ำปลา หากทำจากปลาทะเล จะมีไอโอดีน เพราะมาจากทะเล แต่ถ้าเป็นเกลือทะเล แทบจะไม่มีไอโอดีนเหลืออยู่เลย เพราะกระบวนการทำต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 45 วัน กว่าที่แดดจะเผาออกมากลายเป็นเกลือ ผู้ผลิตจึงต้องเติมไอโอดีนลงไป เป็นเกลือเสริมไอโอดีน ทั้งนี้รวมถึงเกลือสินเธาว์ด้วย
“ส่วน ใหญ่ที่ประชาชนขาดไอโอดีน เพราะไม่สามารถเข้าถึงอาหารที่มีไอโอดีน ยกตัวเอย่างน้ำปลายี่ห้อหนึ่งราคาขวดละ 35 บาท ถือว่าแพงสำหรับชาวบ้าน เขาจึงเลือกกินน้ำปลาขวดละ 15 บาทแทน แต่เป็นเพียงน้ำเกลือใส่สีธรรมดา ใส่ผงชูรส ทำให้มีปัญหาขาดไอโอดีนแน่นอน”
ดัง นั้นประเด็นปัญหาเรื่อง ไอโอดีน จึงควรถูกพัฒนาเป็นนโยบาย รวมทั้งมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมคุณภาพ ดูแลเรื่องการผลิตเกลือบริโภคที่เสริมไอโอดีนตามมาตรฐาน รวมถึงอาหารอื่นเช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว ให้ได้มาตรฐาน เพราะปัญหาการขาดไอโอดีนไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคนไทย โดยเฉพาะกับหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และเด็กเล็ก หากเด็กคืออนาคตของชาติ ไอโอดีนก็คืออีกปัจจัยในการทำให้อนาคตของชาติเติบโตอย่างสมบูรณ์
( รายงานจาก มูลนิธิสดศรี - สฤษดิ์วงศ์ )
จากการรวบรวม ข้อมูลทางการแพทย์ ของ พญ.อรพร ดำรงวงศ์ศิริ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล ในฐานะคณะทำงานพัฒนาการวิชาการ เพื่อสนับสนุนคณะกรรมการประสานนโยบายการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย เรื่อง ไอโอดีนกับเด็กปฐมวัย สนับสนุนโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ (มสส.) ชี้ว่า
“ ไอโอดีน มีส่วนสำคัญที่ทำให้สมองของเด็กเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ เฉลียวฉลาด มีข้อมูลระบุชัดว่า เด็กที่ขาดไอโอดีนมีระดับไอคิวต่ำกว่าเด็กที่ได้รับไอโอดีนอย่างเพียงพอ ถึง 13.5 จุด เด็กควรได้รับไอโอดีนอย่างเพียงพอตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา หากมีการขาดไอโอดีนในช่วงเวลานี้ อาจทำให้ทารกเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แท้ง พิการแต่กำเนิด หรือเด็กเกิดมาจะปัญญาอ่อน เป็นโรคเอ๋อ”
ทั้ง นี้ไอโอดีน มีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้าง ไทรอยด์ฮอร์โมน (Thyroid hormone) ที่มีความจำเป็นต่อการสร้างเซลล์ของ ร่างกาย และสมอง ให้มีการเจริญเติบโตอย่างปกติ โดยเฉพาะทารกที่อยู่ในครรภ์มารดาไปจนถึงอายุ 2 ขวบ หากขาดไอโอดีนจะทำให้สมองเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ลดความเฉลียวฉลาด (ไอคิว) หรือระดับสติปัญญาของเด็กได้ถึง 10- 15 จุด ทำให้เด็กมีปัญหาในการเรียน เกิดความผิดปกติ มีอาการคอพอก เป็นโรคเอ๋อ และมีพัฒนาการทางร่างกายต่ำกว่าเกณฑ์
ตัวอย่าง ของเด็กในประเทศจีน จากการเก็บรวมรวมข้อมูลหญิงตั้งครรภ์ ที่มาฝากครรภ์ในมณฑลหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเขตที่มีภาวะขาดไอโอดีน พบว่า ในกลุ่มตัวอย่างเด็กที่เกิดจากมารดาที่ได้รับไอโอดีนเสริมตั้งแต่ในช่วงตั้ง ครรภ์ จะทำข้อทดสอบได้คะแนนสูงกว่า เด็กที่เกิดจากมารดาที่ไม่ได้รับไอโอดีนเสริมในช่วงตั้งครรภ์ แม้ว่าจะได้รับในช่วงหลังคลอดก็ตาม สะท้อนว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ขาดไอโอดีน จะส่งผลให้ทารกขาดไอโอดีนไปด้วย
หญิง ตั้งครรภ์มีความต้องการไอโอดีนมากกว่าหญิงทั่วไปและมีโอกาสขาดไอโอดีนได้ มากกว่า ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์ สามารถป้องกันภาวะขาดไอโอดีนได้ ด้วยการกินอาหารทะเล หรือใช้เกลือเสริมไอโอดีนปรุงอาหารเป็นประจำ รวมทั้งการได้รับไอโอดีนเสริมในระหว่างการตั้งครรภ์
นอก จากนี้ อาหารที่สำคัญของทารกในช่วงวัยแรกเกิดถึง 6 เดือน คือ นมแม่ ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ นมแม่จะเป็นแหล่งอาหารของไอโอดีนที่สำคัญ ปัจจัยที่มีผลสำคัญต่อ ระดับไอโอดีนในนมแม่ก็คือ อาหาร ถ้าแม่ได้รับไอโอดีนจากอาหารอย่างเพียงพอ ในนมแม่ก็จะมีระดับไอโอดีนเพียงพอด้วย
การ ศึกษาในประเทศไทย พบว่าปริมาณไอโอดีนในนมแม่มีค่าเฉลี่ย 55 ไมโครกรัม/เดซิลิตร ในขณะที่ระดับที่เหมาะสมควรจะมีปริมาณมากกว่า 100 ไมโครกรัม/เดซิลิตร นอกจากนั้น จากการสำรวจภาวะไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ในประเทศไทย โดยใช้วิธีการวัดปริมาณไอโอดีนในปัสสาวะ (Urinary Iodine) ยังพบว่า ค่ามัธยฐานของระดับไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ในประเทศไทยยังอยู่ใน ระดับต่ำ
นั่นย่อมแสดงว่ายังมี ผู้หญิงไทยจำนวนมากประสบปัญหาขาดไอโอดีน และส่งผลทำให้ทารกที่เกิดม มีภาวะขาดไอโอดีนตามไปด้วย
ใน อดีต โรคขาดสารไอโอดีนในประเทศไทย จะพบมากในแถบจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ในพื้นที่ที่อยู่ในชนบทห่างไกล ซึ่งจะเห็นภาพของผู้ป่วยโรคขาดสารไอโอดีนที่รุนแรง มีคอหอยพอก แต่ปัจจุบัน การขาดสารไอโอดีนที่รุนแรงแบบในอดีตนั้นลดลงไปมาก แต่การขาดสารไอโอดีนที่ไม่รุนแรงนี้ ดูเหมือนจะเป็นปัญหาเงียบที่ซ่อนอยู่ในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด แม้แต่กรุงเทพฯ ก็สามารถพบการขาดสารไอโอดีนได้เช่นกัน หากร่างกายได้รับไอโอดีนไม่เพียงพอ
ด้วย เหตุนี้จึงมีการพยายามส่งเสริมให้มีการเติมไอโอดีนลงในเกลือบริโภค แต่พบว่ายังไม่ประสบผลสำเร็จนัก โดยจากผลการสำรวจ ในประเทศไทยระหว่างปี 2006 พบว่าจากเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะให้มีการบริโภคเกลือเสริมไอโอดีนร้อยละ 90 ของพื้นที่ แต่ทำได้จริงเพียงแค่ร้อยละ 46.2 เท่านั้น และสำรวจอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ.2552 ทำได้เพียงร้อยละ 47.2
การใช้ เกลือเสริมไอโอดีน เป็นวิธีการช่วยขจัดปัญหาการเป็นโรคขาดสารไอโอดีน และแก้ไขปัญหาได้ระดับหนึ่ง แต่เกลือเสริมไอโอดีนส่วนหนึ่งก็มีปัญหาคุณภาพการผลิตต่ำกว่ามาตรฐาน ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปีพ.ศ.2537 กำหนดให้เกลือบริโภคต้องมีปริมาณไอโอดีนไม่น้อยกว่า 30 มิลลิกรัม ต่อเกลือบริโภค 1 กิโลกรัม แต่พบว่ามีเกลือบริโภคส่วนหนึ่งที่มีปริมาณไอโอดีนอยู่ที่ประมาณ 10-20 มิลลิกรัมต่อเกลือบริโภค 1 กิโลกรัม บ่งชี้ให้เห็นว่าการควบคุมคุณภาพการผลิตยังไม่สามารถครอบคลุมได้ทุกพื้นที่ จึงควรมีการรณรงค์เรื่องนี้อย่างจริงจังต่อไป
สำหรับ วิธีการกินเกลือหรือน้ำปลา ให้ได้ไอโอดีนนั้น พญ.แสงโสม สีนะวัฒน์ สำนักที่ปรึกษา กรมอนามัย แนะนำว่า ไม่ได้เป็นการให้กินเกลือเพิ่ม ให้กินเท่าที่เคยกิน แต่เปลี่ยนเป็นเกลือหรือน้ำปลาที่มีไอโอดีน ซึ่งในน้ำปลา หากทำจากปลาทะเล จะมีไอโอดีน เพราะมาจากทะเล แต่ถ้าเป็นเกลือทะเล แทบจะไม่มีไอโอดีนเหลืออยู่เลย เพราะกระบวนการทำต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 45 วัน กว่าที่แดดจะเผาออกมากลายเป็นเกลือ ผู้ผลิตจึงต้องเติมไอโอดีนลงไป เป็นเกลือเสริมไอโอดีน ทั้งนี้รวมถึงเกลือสินเธาว์ด้วย
“ส่วน ใหญ่ที่ประชาชนขาดไอโอดีน เพราะไม่สามารถเข้าถึงอาหารที่มีไอโอดีน ยกตัวเอย่างน้ำปลายี่ห้อหนึ่งราคาขวดละ 35 บาท ถือว่าแพงสำหรับชาวบ้าน เขาจึงเลือกกินน้ำปลาขวดละ 15 บาทแทน แต่เป็นเพียงน้ำเกลือใส่สีธรรมดา ใส่ผงชูรส ทำให้มีปัญหาขาดไอโอดีนแน่นอน”
ดัง นั้นประเด็นปัญหาเรื่อง ไอโอดีน จึงควรถูกพัฒนาเป็นนโยบาย รวมทั้งมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมคุณภาพ ดูแลเรื่องการผลิตเกลือบริโภคที่เสริมไอโอดีนตามมาตรฐาน รวมถึงอาหารอื่นเช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว ให้ได้มาตรฐาน เพราะปัญหาการขาดไอโอดีนไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคนไทย โดยเฉพาะกับหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และเด็กเล็ก หากเด็กคืออนาคตของชาติ ไอโอดีนก็คืออีกปัจจัยในการทำให้อนาคตของชาติเติบโตอย่างสมบูรณ์
( รายงานจาก มูลนิธิสดศรี - สฤษดิ์วงศ์ )
ดูแลตวงตาเมื่อเป็นโรคเบาหวาน
ดูแลดวงตาเมื่อเป็นโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานเกิดจาก ความผิดปกติของร่างกายที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป และการมีระดับน้ำตาลในเลือดมากเกินไปก็ทำให้อวัยวะหลายส่วนได้รับบาดเจ็บ เช่น หัวใจ ไต หรือแม้แต่ดวงตา และนี่คือคำแนะนำในการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับดวงตาของผู้ป่วยโรค เบาหวานตามที่ The U.S. National Diabetes Information Clearinghouse ได้ระบุไว้ ดังต่อไปนี้
1.รับประทานอาหารตามคำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการ
2.ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที ทุกวัน
3.รับประทานยารักษาโรคเบาหวานตามที่แพทย์สั่ง
4.ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด และความดันโลหิตบ่อยๆ และพยายามควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
5.ตรวจประเมินสุขภาพตาเป็นประจำทุกปี
6.ตรวจตาเพื่อประเมินโรคต้อหินและต้อกระจก
7.ไม่สูบบุหรี่
1.รับประทานอาหารตามคำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการ
2.ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที ทุกวัน
3.รับประทานยารักษาโรคเบาหวานตามที่แพทย์สั่ง
4.ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด และความดันโลหิตบ่อยๆ และพยายามควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
5.ตรวจประเมินสุขภาพตาเป็นประจำทุกปี
6.ตรวจตาเพื่อประเมินโรคต้อหินและต้อกระจก
7.ไม่สูบบุหรี่
เขาค้อ หน้าหนาวที่ฝันถึง
เขาค้อ เที่ยวหน้าหนาวที่เพชรบูรณ์
เขาค้อ - อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์
หนาวๆ แบบนี้ใครอยากสำผัสอากาศหนาวและธรรมชาติที่สวยงามยามเช้าลองมาเที่ยวที่เขา ค้อดูสิคับท่านจะรู้สีกถึงความเป็นธรรมชาติ ทำให้ท่านผ่อนคลายความเครียดไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้นเราลองมาดูลักษณะประวัติและพื้นที่ความเป็นมาของอุทยานแห่งนี้ กันนะคับ
เขาค้อเป็น สถานที่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ชื่อว่าเขาค้อเป็นเพราะ ป่าบริเวณนี้มีต้นค้อขึ้นอยู่มาก เนื่องจากภูมิอากาศบนเขาค้อเย็นตลอดปี ค่อนข้างเย็นจัดในฤดูหนาว และมีทัศนียภาพสวยงาม จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง ของเพชรบูรณ์ สถานที่น่าสนใจบนเขาค้อได้แก่ อนุสาวรีย์จีนฮ่อ ฐานอิทธิเจดีย์ พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ หอสมุดนานาชาติเขาค้อ พระตำหนักเขาค้อ น้ำตกศรีดิษฐ์ สวนสัตว์เปิดเขาค้อ และเนินมหัศจรรย์ หมู่บ้านคุ้มจุดชมวิวกิ่วลม หมู่บ้านนอแล และหมู่บ้านขอบด้ง หมู่บ้านหลวง
อุทยาน แห่งชาติน้ำหนาว พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของแม่น้ำหลายสาย สถานที่น่าสนใจ ในเขตอุทยานฯ ได้แก่ ทุ่งหญ้ากงวัง ถ้ำผาหงษ์ สวนสนบ้านแปก สวนสนภูกุ่มข้าว น้ำตกซำผักคาว น้ำตกทรายแก้ว น้ำตกทรายเงิน น้ำตกเหวทราย น้ำตกทรายทอง ภูผาจิต หนองปลาไหล หนองน้ำขุ่น น้ำตกตาดพรานบา ผาล้อม ผากอง ถ้ำใหญ่น้ำ
1. จุดกางเต็นท์ ใกล้จุดชมวิว และใกล้เคียง
อยู่ บริเวณ ริมเส้นทางสาย 2196 เยื้องกับที่ว่าการอำเภอเขาค้อ จุดนี้เป็นจุดที่อยู่บนสันเขาเหนืออ่างเก็บน้ำรัตนัย ติดกับ เขาค้อทะเลหมอก และที่กางเต็นท์ของ พรสวรรค์รีสอร์ท มีพื้นที่กางเต็นท์ไม่มากนัก แต่นักท่องเที่ยวนิยมมาปักหลักบริเวณนี้ เนื่องจากสามารถชมทะเลหมอกได้ในตอนเช้าทันที ซึ่งค่อนข้างสะดวก เรื่องห้องน้ำ วิวข้างสวยเพราะอยู่บนเนินเขาสูง แต่กรณีที่นักท่องเที่ยวมีจำนวนมาก พื้นที่อาจรองรับได้ไม่หมด อาจต้องหาพื้นที่อื่นๆ ใกล้เคียง ซึ่งมีพื้นที่ของรีสอร์ทเอกชนหลายแห่งใกล้ๆ กัน เช่นเขาค้อทะเลหมอก พรสวรรค์รีสอร์ท เขาค้อสวิส ภูอาบหมอกฯลฯ รวมถึงฝั่งตรงข้ามกับชุมสายโทรศัพท์ ก็มีเอกชนเปิดให้บริการกางเต็นท์เหมือนกัน ถือเป็นทำเลที่ใกล้ชิดที่สุด สำหรับการชมทะเลหมอกในตอนเช้า นอกจากนี้สถานที่ราชการบริเวณใกล้เคียงก็ สามารถเข้าไปกางเต็นท์พักแรมได้ด้วย
นอก เหนือจากพื้นที่ทำเลทอง ตรงชุมสายโทรศัพท์แล้ว ยังมีที่กางเต็นท์บริเวณ หอสมุดนานาชาตเขาค้อ เปิดให้บริการกางเต็นท์ด้านหลังด้วยเหมือนกัน พื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง และมีลานดอกไม้เมืองหนาวสวยงามมาก หากทำเลที่เล็งๆ ไว้ ไม่ว่าง ก็สามารถแวะไปที่หอสมุดนานาชาติได้
2. จุดกางเต็นท์ทุ่งแสลงหลวง (หนองแม่นา)
อยู่ ห่างจากจุดชมวิวทะเลหมอกประมาณ 15 กม. ซึ่งหากมีรถยนต์ส่วนตัวแล้วจะใช้เวลาเดินทางขึ้น-ลง เพื่อชมทะเลหมอกประมาณ 10 นาทีเท่านั้น จุดกางเต็นท์ที่นี่ค่อนข้างกว้างขวาง และสะดวกสบาย เนื่องจากเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ที่มีการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวไว้แล้ว หากต้องการตื่นเช้าเพื่อชมทะเลหมอกที่เขาค้อ ก็สามารถขับรถขึ้นไปชมได้ในช่วงเช้า หรือจะชมทุ่งหมอกจากทุ่งแสลงหลวงในยามเช้าก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน และยังสามารถเดินทางเข้าชมความงามของทุ่งแสลงหลวง ทุ่งนางพญา ทุ่งโนนสน อย่างไรก็ตามการเข้าพักค้างแรมในอุทยานฯทุ่งแสลงหลวงต้องชำระค่าเข้าอุทยานฯ เหมือนกับค่าเข้าชมอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ
ส่วน นักท่องเที่ยวที่ต้องการกางเต็นท์ในบรรยากาศป่าสน สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อขอเข้าไปกางเต็นท์ที่ทุ่งนางพญา กลางป่าสนได้ แต่ควรเป็นนักท่องเที่ยวที่เตรียมพร้อม และรักการแค้มปิ้งจริงๆเท่านั้น เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกข้างในน้อย และสภาพป่ามีพืชที่ค่อนข้างบอบบาง ต้องการการอนุรักษ์จากผู้เข้าไปเยี่ยมชม
3. จุดกางเต็นท์ตามรีสอร์ทของเอกชน
เกือบ ทุกรีสอร์ทบนเขาค้อ จัดที่กางเต็นท์และสิ่งอำนวยความสะดวกไว้รองรับนักท่องเที่ยวพร้อมสรรพ เช่น เต็นท์ให้เช่า อุปกรณ์เครื่องนอนป้องกันหนาว อาหารเช้า ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ เนื่องจากรีสอร์ทส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก มีจำนวนบ้านพักน้อย แต่มีลานสำหรับการกางเต็นท์เตรียมไว้แทน การกางเต็นท์กับรีสอร์ทจึงเป็นทางเลือกที่ดี ค่อนข้างสะดวก และปลอดภัย ยิ่งหากได้เลือกสรรรีสอร์ทที่มีทำเลที่ตั้งอยู่บนภูมิประเทศที่สวยงาม บนภูเขาสูง หรือสามารถชมวิวได้ในตอนเช้าๆ จะยิ่งสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวได้มาก ลองคลิกดูรายละเอียดรีสอร์ทที่พักแต่ละแห่ง จาก หน้ารีสอร์ทที่พัก และโทรสอบถามรายละเอียดกับรีสอร์ทก่อนตัดสินใจได้
4. จุดกางเต็นท์ภูทับเบิก
บน ภูทับเบิก มีบ้านพักอยู่เพียง 1-2 หลังเท่านั้น ส่วนที่เหลือจัดสรรเป็นพื้นที่สำหรับการกางเต็นท์ เป็นลักษณะขั้นบันไดกว้างๆ ไล่เรียงลงมาจากจุดชมวิวสูงสุด จนถึงไร่กะหล่ำปลีด้านล่าง ที่นี่มีเต็นท์ให้เช่าพร้อมเครื่องนอน หรือสามารถนำเต็นท์ไว้กางเองได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายเพื่อบำรุงรักษาสถานที่ และสำหรับการให้บริการห้องน้ำ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น บนลานกางเต็นท์มีการจัดเตรียมห้องน้ำสำหรับนักท่องเที่ยวประมาณ 20 ห้อง มีจุดบริการอาหาร และของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆ ซึ่งอาจไม่เพียงพอกรณีที่มีนักท่องเที่ยวใช้บริการจำนวนมาก จึงแนะนำให้มีการเตรียมอาหารและน้ำดื่มสำรองไว้เองจะกว่า
นอก จากนี้ยังมีจุดกางเต็นท์บนจุดชมวิว ก่อนถึงยอดภูทับเบิกอีก 2-3 แห่ง ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกเตรียมไว้รองรับด้วยเช่นกัน ส่วนด้านในภูทับเบิกที่เลยจุดชมวิว ขึ้นไปทางหมู่บ้านทับเบิก ก็มีสถานที่กางเต็นท์ของเอกชนด้วยเช่นเดียวกัน ในกรณีที่นักท่องเที่ยว ไม่ต้องการแย่งพื้นที่กางเต็นท์ ณ จุดชมวิว ลองเปลี่ยนบรรยากาศ กางเต็นท์ที่จุดอื่นๆ จะได้ภาพบรรยากาศที่สวยแปลกไม่เหมือนกับจุดชมวิว ซึ่งรับรองว่า ได้บรรยากาศหนาวสั่น และทะเลหมอกเหมือนกัน เพราะจุดกางเต็นท์ที่ว่ามาทั้งหมด อยู่บนระดับความสูงที่ใกล้เคียงกัน
5. จุดกางเต็นท์อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงด้านพิษณุโลก
อยู่ บริเวณกม.ที่ 80 บนถนนพิษณุโลก-หล่มสัก ห่างจากแยกแคมป์สนไปทางพิษณุโลกอีกประมาณ 20 กม. ใช้เวลาเดินทางจาก เขาค้อประมาณ 30 นาที จุดกางเต็นท์จุดนี้ เป็นจุดที่อยู่ริมลำธาร ลำน้ำเข็ก ที่ไหลลงมาจากเขาค้อ ซึ่งทางอุทยานฯจัดจุดกางเต็นท์ไว้ทั้ง 2 ฝั่งลำน้ำ ทำให้ได้บรรยากาศกางเต็นท์ในหุบเขาริมลำธาร สามารถลงเล่นน้ำริมลำธารได้ โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกเตรียมไว้ด้วย เช่นห้องน้ำ ร้านค้าเล็กๆน้อยๆ เป็นต้น
6. จุดกางเต็นท์อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว
อยู่ ห่างจากเขาค้อประมาณ 80 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ลานกางเต็นท์ที่นี่กว้างขวางมาก มีการจัดลานพร้อมห้องน้ำไว้ 3-4 ลาน มีร้านอาหาร เต็นท์ให้เช่าพร้อมเครื่องนอน มีสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่สำหรับการกางเต็นท์โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก แนะนำการเข้าพัก การชมวิว ตลอดจนดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอย่างดีด้วย
หนาวๆ แบบนี้ใครอยากสำผัสอากาศหนาวและธรรมชาติที่สวยงามยามเช้าลองมาเที่ยวที่เขา ค้อดูสิคับท่านจะรู้สีกถึงความเป็นธรรมชาติ ทำให้ท่านผ่อนคลายความเครียดไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้นเราลองมาดูลักษณะประวัติและพื้นที่ความเป็นมาของอุทยานแห่งนี้ กันนะคับ
เขาค้อเป็น สถานที่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ชื่อว่าเขาค้อเป็นเพราะ ป่าบริเวณนี้มีต้นค้อขึ้นอยู่มาก เนื่องจากภูมิอากาศบนเขาค้อเย็นตลอดปี ค่อนข้างเย็นจัดในฤดูหนาว และมีทัศนียภาพสวยงาม จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง ของเพชรบูรณ์ สถานที่น่าสนใจบนเขาค้อได้แก่ อนุสาวรีย์จีนฮ่อ ฐานอิทธิเจดีย์ พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ หอสมุดนานาชาติเขาค้อ พระตำหนักเขาค้อ น้ำตกศรีดิษฐ์ สวนสัตว์เปิดเขาค้อ และเนินมหัศจรรย์ หมู่บ้านคุ้มจุดชมวิวกิ่วลม หมู่บ้านนอแล และหมู่บ้านขอบด้ง หมู่บ้านหลวง
อุทยาน แห่งชาติน้ำหนาว พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของแม่น้ำหลายสาย สถานที่น่าสนใจ ในเขตอุทยานฯ ได้แก่ ทุ่งหญ้ากงวัง ถ้ำผาหงษ์ สวนสนบ้านแปก สวนสนภูกุ่มข้าว น้ำตกซำผักคาว น้ำตกทรายแก้ว น้ำตกทรายเงิน น้ำตกเหวทราย น้ำตกทรายทอง ภูผาจิต หนองปลาไหล หนองน้ำขุ่น น้ำตกตาดพรานบา ผาล้อม ผากอง ถ้ำใหญ่น้ำ
1. จุดกางเต็นท์ ใกล้จุดชมวิว และใกล้เคียง
อยู่ บริเวณ ริมเส้นทางสาย 2196 เยื้องกับที่ว่าการอำเภอเขาค้อ จุดนี้เป็นจุดที่อยู่บนสันเขาเหนืออ่างเก็บน้ำรัตนัย ติดกับ เขาค้อทะเลหมอก และที่กางเต็นท์ของ พรสวรรค์รีสอร์ท มีพื้นที่กางเต็นท์ไม่มากนัก แต่นักท่องเที่ยวนิยมมาปักหลักบริเวณนี้ เนื่องจากสามารถชมทะเลหมอกได้ในตอนเช้าทันที ซึ่งค่อนข้างสะดวก เรื่องห้องน้ำ วิวข้างสวยเพราะอยู่บนเนินเขาสูง แต่กรณีที่นักท่องเที่ยวมีจำนวนมาก พื้นที่อาจรองรับได้ไม่หมด อาจต้องหาพื้นที่อื่นๆ ใกล้เคียง ซึ่งมีพื้นที่ของรีสอร์ทเอกชนหลายแห่งใกล้ๆ กัน เช่นเขาค้อทะเลหมอก พรสวรรค์รีสอร์ท เขาค้อสวิส ภูอาบหมอกฯลฯ รวมถึงฝั่งตรงข้ามกับชุมสายโทรศัพท์ ก็มีเอกชนเปิดให้บริการกางเต็นท์เหมือนกัน ถือเป็นทำเลที่ใกล้ชิดที่สุด สำหรับการชมทะเลหมอกในตอนเช้า นอกจากนี้สถานที่ราชการบริเวณใกล้เคียงก็ สามารถเข้าไปกางเต็นท์พักแรมได้ด้วย
นอก เหนือจากพื้นที่ทำเลทอง ตรงชุมสายโทรศัพท์แล้ว ยังมีที่กางเต็นท์บริเวณ หอสมุดนานาชาตเขาค้อ เปิดให้บริการกางเต็นท์ด้านหลังด้วยเหมือนกัน พื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง และมีลานดอกไม้เมืองหนาวสวยงามมาก หากทำเลที่เล็งๆ ไว้ ไม่ว่าง ก็สามารถแวะไปที่หอสมุดนานาชาติได้
2. จุดกางเต็นท์ทุ่งแสลงหลวง (หนองแม่นา)
อยู่ ห่างจากจุดชมวิวทะเลหมอกประมาณ 15 กม. ซึ่งหากมีรถยนต์ส่วนตัวแล้วจะใช้เวลาเดินทางขึ้น-ลง เพื่อชมทะเลหมอกประมาณ 10 นาทีเท่านั้น จุดกางเต็นท์ที่นี่ค่อนข้างกว้างขวาง และสะดวกสบาย เนื่องจากเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ที่มีการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวไว้แล้ว หากต้องการตื่นเช้าเพื่อชมทะเลหมอกที่เขาค้อ ก็สามารถขับรถขึ้นไปชมได้ในช่วงเช้า หรือจะชมทุ่งหมอกจากทุ่งแสลงหลวงในยามเช้าก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน และยังสามารถเดินทางเข้าชมความงามของทุ่งแสลงหลวง ทุ่งนางพญา ทุ่งโนนสน อย่างไรก็ตามการเข้าพักค้างแรมในอุทยานฯทุ่งแสลงหลวงต้องชำระค่าเข้าอุทยานฯ เหมือนกับค่าเข้าชมอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ
ส่วน นักท่องเที่ยวที่ต้องการกางเต็นท์ในบรรยากาศป่าสน สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อขอเข้าไปกางเต็นท์ที่ทุ่งนางพญา กลางป่าสนได้ แต่ควรเป็นนักท่องเที่ยวที่เตรียมพร้อม และรักการแค้มปิ้งจริงๆเท่านั้น เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกข้างในน้อย และสภาพป่ามีพืชที่ค่อนข้างบอบบาง ต้องการการอนุรักษ์จากผู้เข้าไปเยี่ยมชม
3. จุดกางเต็นท์ตามรีสอร์ทของเอกชน
เกือบ ทุกรีสอร์ทบนเขาค้อ จัดที่กางเต็นท์และสิ่งอำนวยความสะดวกไว้รองรับนักท่องเที่ยวพร้อมสรรพ เช่น เต็นท์ให้เช่า อุปกรณ์เครื่องนอนป้องกันหนาว อาหารเช้า ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ เนื่องจากรีสอร์ทส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก มีจำนวนบ้านพักน้อย แต่มีลานสำหรับการกางเต็นท์เตรียมไว้แทน การกางเต็นท์กับรีสอร์ทจึงเป็นทางเลือกที่ดี ค่อนข้างสะดวก และปลอดภัย ยิ่งหากได้เลือกสรรรีสอร์ทที่มีทำเลที่ตั้งอยู่บนภูมิประเทศที่สวยงาม บนภูเขาสูง หรือสามารถชมวิวได้ในตอนเช้าๆ จะยิ่งสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวได้มาก ลองคลิกดูรายละเอียดรีสอร์ทที่พักแต่ละแห่ง จาก หน้ารีสอร์ทที่พัก และโทรสอบถามรายละเอียดกับรีสอร์ทก่อนตัดสินใจได้
4. จุดกางเต็นท์ภูทับเบิก
บน ภูทับเบิก มีบ้านพักอยู่เพียง 1-2 หลังเท่านั้น ส่วนที่เหลือจัดสรรเป็นพื้นที่สำหรับการกางเต็นท์ เป็นลักษณะขั้นบันไดกว้างๆ ไล่เรียงลงมาจากจุดชมวิวสูงสุด จนถึงไร่กะหล่ำปลีด้านล่าง ที่นี่มีเต็นท์ให้เช่าพร้อมเครื่องนอน หรือสามารถนำเต็นท์ไว้กางเองได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายเพื่อบำรุงรักษาสถานที่ และสำหรับการให้บริการห้องน้ำ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น บนลานกางเต็นท์มีการจัดเตรียมห้องน้ำสำหรับนักท่องเที่ยวประมาณ 20 ห้อง มีจุดบริการอาหาร และของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆ ซึ่งอาจไม่เพียงพอกรณีที่มีนักท่องเที่ยวใช้บริการจำนวนมาก จึงแนะนำให้มีการเตรียมอาหารและน้ำดื่มสำรองไว้เองจะกว่า
นอก จากนี้ยังมีจุดกางเต็นท์บนจุดชมวิว ก่อนถึงยอดภูทับเบิกอีก 2-3 แห่ง ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกเตรียมไว้รองรับด้วยเช่นกัน ส่วนด้านในภูทับเบิกที่เลยจุดชมวิว ขึ้นไปทางหมู่บ้านทับเบิก ก็มีสถานที่กางเต็นท์ของเอกชนด้วยเช่นเดียวกัน ในกรณีที่นักท่องเที่ยว ไม่ต้องการแย่งพื้นที่กางเต็นท์ ณ จุดชมวิว ลองเปลี่ยนบรรยากาศ กางเต็นท์ที่จุดอื่นๆ จะได้ภาพบรรยากาศที่สวยแปลกไม่เหมือนกับจุดชมวิว ซึ่งรับรองว่า ได้บรรยากาศหนาวสั่น และทะเลหมอกเหมือนกัน เพราะจุดกางเต็นท์ที่ว่ามาทั้งหมด อยู่บนระดับความสูงที่ใกล้เคียงกัน
5. จุดกางเต็นท์อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงด้านพิษณุโลก
อยู่ บริเวณกม.ที่ 80 บนถนนพิษณุโลก-หล่มสัก ห่างจากแยกแคมป์สนไปทางพิษณุโลกอีกประมาณ 20 กม. ใช้เวลาเดินทางจาก เขาค้อประมาณ 30 นาที จุดกางเต็นท์จุดนี้ เป็นจุดที่อยู่ริมลำธาร ลำน้ำเข็ก ที่ไหลลงมาจากเขาค้อ ซึ่งทางอุทยานฯจัดจุดกางเต็นท์ไว้ทั้ง 2 ฝั่งลำน้ำ ทำให้ได้บรรยากาศกางเต็นท์ในหุบเขาริมลำธาร สามารถลงเล่นน้ำริมลำธารได้ โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกเตรียมไว้ด้วย เช่นห้องน้ำ ร้านค้าเล็กๆน้อยๆ เป็นต้น
6. จุดกางเต็นท์อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว
อยู่ ห่างจากเขาค้อประมาณ 80 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ลานกางเต็นท์ที่นี่กว้างขวางมาก มีการจัดลานพร้อมห้องน้ำไว้ 3-4 ลาน มีร้านอาหาร เต็นท์ให้เช่าพร้อมเครื่องนอน มีสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่สำหรับการกางเต็นท์โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก แนะนำการเข้าพัก การชมวิว ตลอดจนดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอย่างดีด้วย
วนอุทยานภูชีฟ้า หนาวสุดๆที่เชียงราย
หน้าหนาวนี้เพื่อนๆมีโปรแกรมไปเที่ยวไหนกันรึยังคับที่ท่องเที่ยวในหน้าหนาวที่ผมจะแนะนำอีกหนึ่งที่คือ ภูชี้ฟ้า รับรองว่าสถานที่เที่ยวนี้ไม่ทำให้เพื่อนๆผิดหวังเพราะสวยงามมากจริงๆคับ นี้ก็ใกล้ที่จะสินปีที่จะเป็นวันหยุดยาวแล้วด้วยเพื่อนๆลองพาครอบครัว หรือไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อน หรือ ไปกับแฟนสองคนก็ได้บรรยากาศความรู้สึกดีๆจะแตกต่างกันไป ถ้าเพื่อนทุกๆคนพร้อมแล้วเรามาทำความรู้จักกับ ภูชี้ฟ้า กันเลยคับ
เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ก็เหมือนเข้าสู่ฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการหลั่งไหลของผู้คนสู่ตอนบนของประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวตามดอยและอุทยานต่างๆ ดูจะเย้ายวนเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวมากที่สุด ว่าไหมคะ ....ดังนั้น วันนี้เลยขอเอาใจนักชอบเที่ยวทั้งหลาย พาไปท่องเที่ยวที่ "ภูชี้ฟ้า" รับรอง ว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะทะเลหมอกที่ภูชี้ฟ้าน่ะชนะเลิศ ทั้งบรรยากาศและธรรมชาติที่สวยงามจับใจ ราวกับภาพวาดเชียวหละ.. คอนเฟิร์ม!!! ว่าแล้วก็ไปท่องแดนแห่งขุนเขา และสายหมอกที่ภูชี้ฟ้ากันเลย....
ภูชี้ฟ้า เป็นยอดเขาสูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น ติดชายแดนไทย - สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ในพื้นที่เขตอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติด้วยลักษณะหน้าผาปลายยอดแหลม เป็นแนวยาวที่ชี้ไปบนฟ้า ทางฝั่งประเทศลาว จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกว่า "ภูชี้ฟ้า" นั่นเอง ด้านที่ติดสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นับเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด ทั้งนี้ กรมป่าไม้ได้มีคำสั่งให้จัดตั้ง "ภูชี้ฟ้า" เป็นวนอุทยาน เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2541 ด้วยเนื้อที่ประมาณ 2,500 ไร่ สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,200 เมตร ถึง 1,628 เมตร
สำหรับไฮไลท์สำคัญของภูชี้ฟ้า ต้องยกให้จุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม อีกทั้งทิวทัศน์ของภูเขาสลับซับซ้อนดูกว้างไกล โดยในตอนเช้าจะมีทะเลหมอกปกคลุมในหุบเขาเบื้องล่าง มีพระอาทิตย์ขึ้นผ่านพ้นทะเลหมอก ท่ามกลางทุ่งหญ้า แซมด้วยทุ่งดอกโคลงเคลง (ในช่วงฤดูฝนไปจนถึงฤดูหนาว) สวยงามราวกับภาพวาด อย่าบอกใครเชียว!!! และหากรอจนสายหมอกถูกความร้อนระเหยหมดแล้ว ก็ยังคงมองเห็นสายน้ำโขงไหลคดเคี้ยว ท่ามกลางป่าไม้ของฝั่งลาวที่เขียวสุดสมบูรณ์อีกด้วย หากมาเที่ยวภูชี้ฟ้า ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม เส้นทางขึ้นภูชี้ฟ้าจะผ่านป่าซากุระหรือต้นพญาเสือโคร่งสีชมพูสวยงามมากอีก เช่นกัน
การเดินทางไปภูชี้ฟ้า
ทางรถยนต์
ภูชี้ฟ้าอยู่ห่างจากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ประมาณ 144 กิโลเมตร การเดินทางจากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ไปยังภูชี้ฟ้าได้ตามแนวเส้นทางดังนี้
1. การเดินทางจากจังหวัดเชียงรายระยะทางประมาณ 108 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางเชียงราย - เทิง ระยะทาง 64 กิโลเมตร และจากเทิง - ปางค่า ระยะทาง 24 กิโลเมตร จากนั้นเป็นลูกรังถึงภูชี้ฟ้าระยะทาง 19 กิโลเมตร
2. ใช้เส้นทาง 1021 เทิง - เชียงคำ ระยะทาง 27 กิโลเมตร ก่อนถึงเชียงคำ 6 กิโลเมตร มีทางแยกไปวนอุทยานน้ำตกภูซาง (1093) บ้านฮวก อีก 19 กิโลเมตร แล้วเดินทางไปภูชี้ฟ้าอีก 30 กิโลเมตร แล้วเดินทางเท้าต่ออีก 1 กิโลเมตร จึงจะถึงจุดชมวิว ทางเดินเท้ามีความสูงชันมาก
ทางรถโดยสารไปภูชี้ฟ้า
จากสถานีขนส่งเชียงราย มีรถโดยสารไปยังภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้ง รถออกเวลา 12.30 น. รายละเอียดติดต่อ บ.สหกิจ โทร 0-5371-1654
สอบถามรายละเอียด-ข้อมูลการเดินทาง
วนอุทยานภูชี้ฟ้า ไม่มีบ้านพักหรือค่ายพักแรมบริการแก่นักท่องเที่ยว หากนักท่องเที่ยวมีความประสงค์จะไปพักแรม ต้องนำเต็นท์ไปกางเอง โดยทางวนอุทยานได้จัดสถานที่ไว้ให้พร้อมกับห้องสุขา ส่วนเรื่องอาหารต้องจัดเตรียมไปเอง ทั้งนี้ ต้องไปติดต่อขออนุญาตใช้สถานที่กับเจ้าหน้าที่ที่หัวหน้าวนอุทยานภูชี้ฟ้า โดยตรง รายละเอียดสอบถามได้ที่สำนักบริหารจัดการในพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 จังหวัดเชียงราย โทร. (053) -714914 หรือฝ่ายจัดการวนอุทยาน สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทร. 0-25614292 -3 ต่อ 719
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)